ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเพชรวันนี้
ราคาเพชร เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อราคาของแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว หรือ แหวนหมั้นมากที่สุด เนื่องจากเพชรเป็นส่วนประกอบสำคัญของแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว หรือ แหวนหมั้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการเลือกซื้อ
เพชรเป็นอัญมณีที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยความสวยงามและมูลค่าที่สูง ทำให้หลายคนใฝ่ฝันที่จะครอบครองเพชรสักเม็ด อย่างไรก็ตาม การซื้อเพชรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะราคาของเพชรขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ นอกเหนือจากหลัก 4C ที่เป็นมาตรฐานสากลแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคาของเพชรอีกด้วย
- กะรัต หรือ น้ำหนักของเพชร (Carat)
น้ำหนักกะรัตเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเพชรโดยตรง โดยเพชรที่มีน้ำหนักกะรัตมากขึ้น จะมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย เช่น เพชร 1 กะรัตจะมีราคาประมาณ 100,000 บาท แต่เพชร 2 กะรัตจะมีราคาประมาณ 200,000 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ เพชรที่มีน้ำหนักกะรัตอยู่ในเกณฑ์พรีเมียมไซส์ (Premium Size) หรือขนาดที่คาบเกี่ยวไปทางช่วงปลายของราคา จะมีมูลค่าสูงขึ้นกว่าปกติ ประมาณ 5-20% ตามขนาดไซส์เพชร โดยขนาดใหญ่จะราคาสูงกว่าเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยกว่า เช่น
- เพชรขนาดพรีเมียมไซส์น้ำหนัก 0.36 - 0.39 กะรัต และ 0.46 - 0.49 กะรัต ราคาเพชรมักจะสูงกว่าปกติ 10% - 20%
- เพชรขนาดพรีเมียมไซส์น้ำหนัก 2.50 - 2.99 กะรัต ราคาเพชรมักจะสูงกว่าปกติ 5% - 10%
น้ำเพชรหรือสีของเพชร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาเพชร โดยเพชรน้ำ 100 หรือเพชร D Color ถือว่าเป็นเพชรที่ขาวที่สุด (ไม่มีสีเจือปน หรือ Colorless) มีความสว่างและมูลค่าสูงกว่า เพชรน้ำรอง ซึ่งจะมีมีสีขาวอมเหลือง (Near Colorless) จึงได้รับความนิยมน้อยกว่า ส่งผลให้มีมูลค่าน้อยกว่าเพชรน้ำสูง
ความสะอาดของเพชร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสามารถบ่งบอกถึงมูลค่าของเพชรในระยะยาว ยิ่งเพชรใสสะอาดมาก ก็จะยิ่งมีราคาสูง เช่น เพชรความสะอาดระดับ FL-IF ย่อมมีราคาสูงกว่า เพชรที่มีความสะอาดระดับ VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1, SI2 ตามลำดับ
โดยเพชรจะยิ่งมีราคาลดลงตามลำดับ แต่หากคุณภาพต่ำกว่า SI เพราะคุณเริ่มจะสามารถมองเห็นตำหนิของเพชรบางเม็ดได้ด้วยตาเปล่า จึงถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดในการซื้อเพชร แต่สำหรับเพชรที่อนันทาคัดสรรมานั้นตำหนิจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือ เพชรที่อยู่ในระดับ FL-VS2 เท่านั้น
คุณภาพการเจียระไน ส่งผลต่อการเล่นไฟของเพชรโดยตรง จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะกำหนดมูลค่าของเพชรเม็ดนั้น เช่น เพชร 3 Excellent Cut ย่อมมีราคาสูงกว่าเพชรที่เป็น Very Good, Good, Fair และ Poor ตามลำดับ โดยในบรรดาเพชรเหลี่ยมสวย เพชร 3 EX ที่มี Hearts & Arrows (H&A) ร่วมด้วยมักจะมีราคาสูงกว่าเม็ดที่ไม่มี เพราะการที่เพชรเม็ดหนึ่งจะมีลักษณะนี้ได้ จำเป็นต้องเกิดจากการการเจียระไนเพชรให้มีเหลี่ยมที่สมมาตรอย่างตรงสัดส่วน ทำให้แสงตกกระทบบนเพชรแล้วส่องออกมาเป็นประกายที่งดงาม
- สารเรืองแสง (Fluorescence)
ฟลูออเรสเซนซ์ หมายถึงการเรืองแสงของเพชรภายใต้แสง UV ส่งผลต่อการสะท้อนโทนสีของเพชร เพราะอาจทำให้เพชรมีโทนสีฟ้าหากมี Fluorescence ในเพชรระดับสูง เช่น Strong หรือ Very Strong แต่ในบางกรณีที่เพชรมี Fluorescence ในระดับน้อย เช่น Faint หรือ Medium อาจกลายเป็นข้อดี โดยเฉพาะสำหรับเพชรน้ำ 94-95 (Color J-I) เพราะจะทำให้เพชรดูขาวยิ่งขึ้น จนอาจดูแล้วคล้ายเพชรน้ำ 96-97 (Color H-G) เลยก็เป็นได้
โดยปกติเพชรที่มี Fluorescence จะมีราคาถูกกว่าเพชรที่ไม่มี Fluorescence จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเงิน ในขณะที่เพชรก็ยังดูขาวหากไม่ได้โดยแสง UV
แต่หากต้องการเพชรที่สวย และไม่มีสารเรืองแสงเลย (Non-Fluorescence) สามารถหาสินค้าที่อนันทาได้เลยค่ะ
ใบเซอร์ฯเพชรที่รับรองโดยสถาบันชื่อดัง ส่วนใหญ่จะมีราคาสูงกว่าเพชรที่ไม่มีใบเซอร์ฯ โดยหากเทียบระหว่างใบเซอร์ฯ GIA กับ HRD มูลค่าของเพชรใบเซอร์ฯ GIA มักจะจะสูงกว่า HRD อยู่พอสมควร
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเพชรใบเซอร์ฯ GIA จะสวยกว่าเพชรใบเซอร์ฯ HRD เสมอไป เพราะทั้งสองสถาบันนี้ต่างก็ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านการตรวจวิเคราะห์เพชรอยู่แล้ว เพียงแต่เพชรใบเซอร์ฯ GIA มีชื่อเสียงมากที่สุด จึงได้รับความนิยมมากกว่าเพชรใบเซอร์ฯ HRD
- อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate)
ราคาเพชร ก็เป็นเช่นเดียวกับราคาทองคำและราคาน้ำมัน เนื่องจากราคาเพชรในไทยจะอ้างอิงจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยตรง เพราะฉะนั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาด หากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับบาทไทยมีความผันผวน
สรุป
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเพชรในปัจจุบันมีหลากหลายประการ นอกเหนือจากหลัก 4C แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อเพชร เพื่อให้ได้เพชรที่คุ้มค่าและตรงกับความต้องการ
หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับราคาเพชรวันนี้ สามารถสอบถามได้ที่ Line OA: @ananta