2 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเลือกแหวนแต่งงาน

date blog icon

09 Jul 2021

date blog icon

10 minute

2 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเลือกแหวนแต่งงาน

แหวนแต่งงานเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนใจที่จะต้องอยู่เคียงข้างกับเราตลอดไป เฉกเช่นความรักนิรันดร์ที่จะคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย จึงไม่แปลกที่เราจะพิถีพิถันและคิดสงสัยว่าซื้อแหวนแต่งงานทั้งทีต้องเลือกอย่างไร แบบไหนเหมาะสมกับเราที่สุด

อนันทาจะมาบอก 2 ขั้นตอน ในการเลือกแหวนแต่งงานแบบครบถ้วน เข้าใจง่าย เรียกได้ว่าอ่านจบเดินเข้าไปซื้อได้เลย มั่นใจได้วงที่ใช่อย่างแน่นอน

1. เลือกเพชรผ่านหลัก 4Cs
C A R A T

กะรัต (CT.) คือ หน่วยน้ำหนักของเพชร โดย 1 กะรัต เท่ากับ 0.2 กรัม หรือ 100 สตางค์/ตัง 
ซึ่งหากไม่ถึง 1 กะรัต เรามักจะเรียกเป็นหน่วยตัง เช่น 0.30 กะรัต จะเรียกเป็น 30 ตัง

 ตามที่เราจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเพชรยิ่งมีน้ำหนักมาก ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะช่วงความต่างระหว่าง 10 ตัง อย่าง 30 ไป 40 ตัง หรือ 90 ตัง ไป 1 กะรัต และมากที่สุดคือช่วงความต่างระหว่างกะรัต
โดยเพชร 1 กะรัต ขนาดหน้ากว้างอยู่ที่ 6.5 มม. หากต้องการทราบเพชรขนาดอื่นๆ สามารถประมาณได้จากรูป

C O L O R

สีของเพชร ในที่นี้เราจะหมายถึงความขาวของเพชร หรือที่คนไทยเรียกแทนด้วยคำว่า ‘น้ำ’ หากแบ่งตามสากล จะแบ่งเกรดเป็น D-Z โดยที่ D คือขาวที่สุด ไล่ลงไปเป็นสีเหลืองที่สุด คือ Z ซึ่ง D color ก็จะเทียบเท่ากับน้ำ 100 ไล่ลงไปเป็น 99 98 97.. ตามลำดับความเหลือง

แน่นอนว่าสีของเพชรที่ดีที่สุด คือเพชรที่ขาวที่สุด แต่นั่นไม่อาจนับว่าเพชรเม็ดนั้นคือเพชรที่ดีที่สุดและราคาแพงที่สุด ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ หลายปัจจัย ซึ่งตรงนี้มักจะมีหลายคนเข้าใจผิด

เพชรที่อนันทานับว่าเป็นสีขาว คือตั้งแต่ H color ขึ้นไปซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยม

C L A R I T Y

ความสะอาด จะถูกอิงตามตำหนิของเพชร โดยแบ่งเป็นเกรด ดังรูปด้านล่าง

เพชรแท้ส่วนใหญ่มักมีตำหนิซึ่งเกิดจากธรรมชาติ ดังนั้นเพชรที่ไม่มีตำหนิเลย (FL-IF) จึงเป็นเพชรหายากและมีราคาสูง ความสะอาดนั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเปล่งประกายของเพชรโดยตรง หากตำหนิของเพชรยิ่งมาก จะยิ่งทำให้แสงเดินทางได้ไม่ดี และทำให้ประกายลดลง ซึ่งการแบ่งเกรดความสะอาดของเพชร ขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของตำหนิ 

เพชรที่อนันทาแนะนำว่าดี คือ เกรด VS1-FL ซึ่งเป็นเพชรที่มองไม่เห็นตำหนิด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ เนื่องจากเพชรเป็นอัญมณีซึ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาติ จึงทำให้ตำหนิในแต่ละเม็ดแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นเกรดเดียวกันก็ตาม ดังนั้นนอกจากจะเลือกจากเกรดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ประเภทหรือชนิดของตำหนินั้นจะต้องกระทบต่อความสวยของเพชรน้อยที่สุด โดยเลือกตำหนิที่เป็นจุดเล็กที่สุด และตำแหน่งไม่อยู่บนหน้า table ของเพชร ต้องอยู่บริเวณขอบและไม่เป็นสีดำ เพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายสวยงามที่สุด

C U T

แบบการเจียระไน สำหรับเพชรสามารถเจียระไนได้หลายรูปทรง แบบคลาสสิกที่เรารู้จักกันดีที่สุด ก็คือ ทรงกลมรูปทรงอื่นๆ เช่น ทรงหัวใจ รูปไข่ หยดน้ำ มาคี ปริ้นเซส เอเมอรัล เรเดียน

ซึ่งการเจียระไนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อประกายของเพชรโดยตรง ควรเลือกที่มีรูปทรงสมมาตร ถูกต้องตามสัดส่วนของเพชร การเจียระไนที่ดีจะทำให้แสงที่ตกกระทบกับเพชร สะท้อนประกายออกมาได้อย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ ซึ่งอนันทาแนะนำให้เลือกเป็นเกรดสูงสุด ตามมาตรฐานระดับสากล คือ 3 Excellent เพราะนอกจากจะได้เพชรที่สวยที่สุดแล้ว ราคายังไม่ต่างจากเกรดใกล้เคียงกันมากด้วย

และหากเป็นเพชรทรงกลมจะต้องเป็น Heart&Arrow (H&A) คือ เพชรเหลี่ยมเกสร (Round Brilliant Cut) ที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุด เพราะมีความสมมาตรที่ดีเลิศ ผ่านการเจียระไนอันประณีต ทำให้ประกายสะท้อนแสงได้ดีกว่าเพชรเหลี่ยมเกสรทั่วไป

เราจะมองเห็น Heart&Arrow ได้ผ่านกล้องส่องเพชร โดยหากมองที่ด้านหน้าเพชรจะเห็นเป็นลูกศรแปดดอกและเมื่อมองที่ก้นเพชร จะเห็นเป็นรูปหัวใจแปดดวงอย่างชัดเจน ซึ่งทริคในการดู หากเป็นสัดส่วนที่ถูกต้อง จะต้องมองเห็นรูปลูกศรและหัวใจเหมือนกันและเท่ากันทั้งหมด

โดยเกณทั้งหมดนี้ จะถูกระบุอยู่ในใบเซอร์ ซึ่งควรเลือกที่ถูกรับรองในสถาบันที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากลดังนั้นจึงควรเลือกซื้อเพชรจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและมีใบรับรองเท่านั้น เพื่อความมั่นใจว่าคุณจะได้เพชรที่สวยงามถูกต้องและตรงใจมากที่สุด

2. เลือกตัวเรือนแหวน

รูปแบบของแหวนแต่งงาน โดยทั่วไปจะมีทั้งหมด 5 แบบ ดังนี้

1. แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวคลาสสิก
แหวนลักษณะเน้นชูเพชรให้โดดเด่น สื่อถึงความรักเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แหวนแต่งงานสุดคลาสสิกที่เป็นที่นิยมตลอดกาล เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เพื่อช่วยเสริมลุคให้สวยโดดเด่น

2. แหวนเพชรทรงบ่าข้าง
แหวนนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว เพียงแต่มีการประดับบ่าที่ข้างตัวเรือนด้วย อันสื่อถึงความรักที่สนับสนุนกันและกัน หากใส่แล้วเชื่อว่าจะมีชีวิตครอบครัวที่ดี โชคดี และมีโชคลาภ

3. แหวนเพชรล้อมวง/แหวนเพชรแถว
แหวนที่มีเพชรประดับอยู่รอบวง ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ่นสุด ให้ความหมายถึงความรักที่ไม่มีสิ้นสุด เหมาะกับคนที่ชอบสไตล์สวยหรู

4. แหวนเพชร 3 เม็ดเรียงต่อกัน
แหวนความหมายลึกซึ้ง ประกอบด้วยเพชรเม็ดใหญ่ตรงกลางขนาบด้วยเพชร 2 เม็ดด้านข้าง สื่อถึง “อดีต ปัจจุบัน อนาคต” และความรักที่อยู่เหนือกาลเวลา

5. แหวนเกลี้ยง แหวนเรียบ
เรียบ เกลี้ยง สไตล์ที่คลาสสิกอย่างแท้จริง สือถึงความรักนิรันดร์ แหวนที่เป็นดั่งตัวแทนคำสัญญารักที่มั่นคงและจะมีกันและกันตลอดไป

สำหรับการเลือกตัวเรือน อนันทาขอแนะนำให้เลือกตามรสนิยมหรือความชอบของแต่ละคน รวมถึงไลฟ์สไตล์ และงบประมาณที่มีในใจ เพียงเท่านี้ก็จะได้แหวนแต่งงานที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณแล้ว


SHOP NOW

RELATED stories